วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

แปล 6

What are transformers?
The name transformers is derived from the fact that when two coils are placed in close inductive proximity to one another the lines of force from one cut across the the turns of the other inducing an ac current, energy is transformed from one winding to another and this is called transformer action.
There are a great variety of transformers for a variety of applications including power transformers, audio transformers and rf transformers among others. All work on the above principle.
Power transformers
As the name implies a power transformer is designed to usually translate voltage from one level to another. Another type called a current transformer will not be discussed here. The schematic of a transformer is depicted in figure 1 below. Consider also the topics covered under power supplies where power transformers are used.




Figure 1. - general transformer schematic
Some power transformers have a centre tap on the secondary side. Note in figure 1 above the left hand side is usually denoted the "primary" whilst the right hand side is denoted the power transformers "secondary" side. Most power transformers are designed for frequencies in the region of 50 / 60 Hz which are the principle mains frquencies around the world.
Modern power transformers are wound on a "bobbin" which fits a core manufactured of materials to suit mains frequencies. The power handling capacity of a power transformer is determined by the physical size of the core and its properties. Design information is available from manufacturers. Ultimately the design information will provide the number of turns per volt. It is important to note that "toroid" power transformers are becoming increasingly popular and can handle larger amounts of power for the same physical dimensions and are thought by many "experts" to offer superior performance, particularly in higher power audio amplifiers.

============================================================
หม้อแปลงไฟฟ้าคืออะไร
คำว่าหม้อแปลงไฟฟ้ามาจาก เหตุผลที่ว่าเมื่อขดลวดสองขดเมื่อนำมาอยู่ใกล้ๆกันมากๆ พลังงานจากขดหนึ่งจะเหนี่ยวนำให้เกิดไฟ้ฟ้ากระแสสลับในอีกขดหนึ่ง
นั่นคือพลังงานจะถูกส่งผ่านจากขดลวดด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งนั่นเอง
หม้อแปลงไฟ้ฟ้ามีหลายประเภทขึ้นกับจุดประสงค์การใช้งาน ตัวอย่างเช่น หม้อแปลงจ่ายไฟ หม้อแปลงความถีเสียง และความถี่วิทยุ แต่ทุกชนิดก็ใช้หลักการพื้นฐานเดียวกัน
หม้อแปลงจ่ายไฟถูกออกแบบเพื่อแปลงระดับศักดาไฟฟ้า(โวลต์) จากระดับไปเป็นอีกระดับหนึ่ง มีหม้อแปลงอีกประเภทคือหม้อแปลงกระแสซึ่งจะไม่กล่าวถึงในที่นี้

รูปสัญลักษณ์ของหม้อแปลงได้แสดงไว้ในรูปที่ 1




รูปที่ 1 สัญลักษณ์ของหม้อแปลง
หม้อแปลงบางลูกจะมี ขั้วต่อตรงกลาง (center tap) ในด้านทุติยภูมิ (secondary)
ให้สังเกตุจากรูปที่ 1 ด้านซ้ายของสัญลักษณ์ ปกติจะถูกระบุ เป็น ด้าน ปฐมภูมิ(primary)
และด้านขวาจะเป็น ทุติยภูมิ (secondary) หม้อแปลงจ่ายไฟส่วนมากจะออกแบบมาให้ใช้งานในย่านความถึ่ 50-60 เฮิรตซ์(HZ) ซึ่งเป็นความถึ่ของระบบไฟฟ้าที่ใช้กันทั่วโลก
หม้อแปลงจ่ายไฟในปัจจุบัน ขดลวดจะถูกพันอยู่บน "บอบบิ้น" กำลังของหม้อแปลงจะถูกกำหนดด้วยขนาดและคุณสมบัติของแกน ข้อมูลสำหรับการออกแบบ
จะหาได้จากผู้ผลิต ซึ่งจะใช้คานวณหาจำนวนรอบการพันต่อโวลต์ที่ต้องการ ควรทราบด้วยว่า หม้อแปลงแบบ ทอรอยด์ (toroid) กำลังได้รับความนิยมขึ้นมามากในปัจจุบันเนื่องจากรับกำลังไฟได้มากกว่าในขนาดทางกายภาพที่เท่ากันกับหม้อแปลงแบบธรรมดา
และผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็เชื่อว่ามันให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่าโดยเฉพาะเมื่อนำไปใช้ในเครื่องเสียงระดับแรงขับสูง

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

แปล 5

This is a story about a very unusual boy, and an even more unusual monkey. The boy was out of the ordinary as boys go, because he didn’t like Chocolate. No, not at all. Not even one little bit. And I must stay, I’ve never met a boy like that. Not in my entire life. And the monkey was unusual because he absolutely adored chocolate - this particular monkey went absolutely bananas for it - and as you may guess - very few monkeys are mad about chocolate, if only because, they’ve never even tasted it.

The boy was called Jim.

And the monkey was called Theodore, or Theo for short.



One day, Jim’s Aunty Judith took him to the zoo. Jim’s mother had told her that Jim didn’t like chocolate, but she didn’t believe that.

“Poor little thing,” she said to herself. “His mum won’t buy him chocolate because she’s too mean. But I’ll buy him an nice lovely bar and give it to him while we are out.”


And that’s what she did. Only it was true. Jim really didn’t like chocolate.

“Oh thanks Auntie Judith” he said when she gave it to him. “That’s really kind of you. I’ll just save it for later, if you don’t mind.”

But he did like seeing all the animals in the Zoo.


The prowling bears weren’t at all cuddly - but they were super cool all the same.


The giraffes had lovely soft noses. The snakes in the snake house made Jim’s blood run cold - but he liked being scared really, - just a bit.

And the monkeys - well everyone loves monkeys. They looked silly but intelligent all at the same time. And in particular, one was nicer than all the others. He came up to the bars of the cage and pressed his face through them. That little monkey was Theo. Jim thought he looked hungry, and then he remembered the bar of chocolate in his coat pocket, and decided to give it to him.


Auntie Judith was starting to move on to the next cage full of chimpanzees. Jim unwrapped the chocolate bar, and threw it to Theo. The chocolate bounced against the cage, but Theo reached out with his little hand through the bars and grabbed it. Instead of stuffing it down his mouth, he started to lick it. His big brown eyes started to go all dreamy. He was in monkey heaven.

Just then Auntie Judith called to Jim and he had to run after her. “Thanks for the chocolate Auntie Judith”, he said. “It was delicious.”

And Aunty Judith thought:

“Such a mean mummy not to give Jimmy chocolate. He loves it. Obviously.”


But it was Theo who was in love with chocolate. It went straight to his stomach, and then straight to his brain, and soon he was swinging from around the climbing frame of his cage like a mad mad monkey.

“Ooo oooo Ah Ah!” he said at the top of voice for the next hour and a half. And the keepers and all the other monkeys thought he had gone crazy. Which he had. He was crazy for chocolate.

===============================================================
ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องของเด็กคนหนึ่งชื่อจิม ที่มีนิสัยแปลกๆ กับลิงที่ชื่อธีโอดอร์หรือเรียกสั้นๆว่า ธีโอที่ออกจะเพี้ยนพอๆกัน นิสัยแปลกและเพี้ยนของทั้งคู่คือ
จิมเป็นเด็กที่ไม่ชอบช็อกโกแลตแม้แต่น้อย แต่เจ้าลิงธีโอกลับชอบช็อกโกแลต เป็นชีวิตจิตใจ แทบจะเรียกว่าคลั่งช็อกโกแลต เลยก็ว่าได้

วันหนึ่ง ป้าของจิม พาจิมไปเที่ยวสวนสัตว์ แม่ของจิมได้บอกป้าไว้ก่อนแล้วว่า จิมไม่ชอบช็อกโกแลต แต่ป้าไม่คิดเช่นนั้น กลับคิดว่าแม่ของจิม
ช่างใจร้ายที่ไม่ยอมซื้อช็อกโกแลตให้จิม และตั้งใจว่าจะซื้อช็อกโกแลตสักแท่งให้จิม

เมื่อถึงสวนสัตว์ป้าของจิม ยื่นช็อกโกแลตให้แก่เขา จริงๆแล้วแม่ของจิมไม่ไดพูดโกหก จิมไม่ชอบช็อกโกแลต เอาซะเลย


"ขอบคุณครับป้าจูดิท" จิมบอกเมื่อป้ายื่นช็อกโกแลตให้ "ป้าช่างใจดีจริงๆ แต่ผมขอเก็บเอาไว้ก่อนก็แล้วกันนะฮะ ถ้าป้าไม่ว่าอะไร"

จิมชอบดูพวกสัคว์ต่างๆมากกว่า
พวกหมีดูไม่น่ารักน่ากอด แต่พวกมันก็เท่ห์ดีไม่หยอก
จมูกนุ่มๆของยีราฟก็ดูน่ารักดี จิมตัวเย็นเฉียบด้วยความกลัวเมื่อเห็นงู แต่จิมก็ชอบความรู้สึกเช่นนี้อยู่เหมือนกัน
คนส่วนมากมักชอบลิง แม้มันจะดูโง่ๆแต่ในบ้างครั้งพวกมันก็ส่อแววฉลาดมาให้เห็น มีลิงอยู่ตัวหนึ่งในกรงชื่อว่าเจ้าธีโอที่เดินตรงมาที่จิมยืนอยู่ แล้วเอาหน้าลอดลูกกรงออกมา
จิมคิดว่ามันคงหิว และนึกถึงช็อกโกแลตที่ป้าให้ไว้ได้ จึงคิดว่าเอาให้เจ้าลิงกินดีกว่า
ป้าจูดิธกำลังจะเดินต่อไปที่กรงลิงชิมแปนซี จิมรีบแกะกระดาษหุ้มช็อกโกแลตออก และโยนช็อกโกแลตให้ธีโอ แท่งช็อกโกแลตไปชนกรงเข้า แต่เจ้าธีโอก็เอื้อมมือคว้าไว้ทัน
แทนที่มันจะจับช็อกโกแลตเข้าปากในทันที แต่มันกลับค่อยๆเลีย ตาสีน้ำตาลของมันส่องประกายความสุข เหมือนมันได้อยู่ในสวรรค์
แทบจะทันทีหลังจากที่จิมโยนช็อกโกแลตให้กับเจ้าลิงธีโอ ป้าจูดิธก็เรียกให้เขาเดินตามไป
"ขอบคุณนะครับ สำหรับช็อกโกแลต มันอร่อยดีฮะ" จิมบอกป้า
"แม่เธอนี่ช่างใจร้ายซะจริง นะจิม เห็นชัดๆอยู่แล้วว่าเธอชอบช็อกโกแลต " ป้าจูดิธคิด
แต่อันที่จริงกับเป็นเจ้าธีโอต่างหากที่หลงใหลในรสช็อกโกแลต หลังจากตกถึงกระเพาะมันก็ซ่านไปถึงสมอง ในเวลาไม่นานมันก็แกว่งตัวห้อยโหนไปทั่วกรง พร้อมๆ
ส่งเสียงร้อง อูอู อาอา ดังลั่นไปด้วย เป็นเวลานานกว่าชั่วโมง เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ และลิงตัวอื่นๆต่างคิดว่าเจ้าธีโอต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ และอันที่จริงมันก็บ้าจริงๆนั่นแหละ
แต่บ้าเพราะช็อกโกแลต

<เรื่องยังมีต่อ แต่ขอแปลเป็นตัวอย่างแค่นี้>

แปล 4






















หลายสัปดาห์ก่อนผมได้มีโอกาศคุยกับเพื่อนคนหนึ่งเกี่ยวกับแลปทอปที่ออกอาการเพี้ยนๆของเขา
อันที่จริงมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใหม่อะไรนัก เครื่องคอมฯแลปทอปของเขาลงระบบปฏิบัติการ วิสต้า
แต่มีอาการแฮงก์ขึ้นจอสีฟ้าอยู่เป็นประจำทุกวัน เขาบ่นให้ฟังเกี่ยวกับการที่ต้องโทรปรึกษากับช่างเทคนิค
ของเดลล์ อยู่ทีละนานๆและหลายครั้ง แต่ก็แก้ปัญหาไม่ตกเสียที
ตอนนั้นเผอิญเราอยู่ใกล้ๆออฟฟิศของเพื่อนผม เพื่อนผมจึงพาผมไปดูเจ้าแลปทอปตัวปัญหา
เจ้าเครื่องนี้เป็นรุ่น DellXPSM1530และเพิ่งซื้อมา 2 เดือนเท่านั้นรุ่นนี้เป็นรุ่นที่นักทดสอบ
ของนิตยสารเราเคยให้ ถึง 4 ดาวทีเดียว ปัญหาเริ่มขึ้นเมื่อใช้เครื่องไปไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น
ผมถามเพื่อนด้วยคำถามเกี่ยวกับการใช้ทั่วไปเช่น เคยลงโปรแกรมแปลกๆบ้างไหม เคยเข้าเว็บไซต์ที่ไม่ค่อยจะน่าไว้ใจบ้างหรือเปล่า
เคย เปิดไฟล์แปลกๆที่ส่งมาพร้อม อีเมล์หรือไม่ เพื่อนผมปฏิเสธ พร้อมบอกว่าปัญหาจะเกิดตอน
เปิดโปรแกรมบราวเซอร์ ผมรู้สึกว่ามันเป็นปัญหาที่ดูจะเจาะจงอยู่ไม่ใช่น้อย โดยปกติการที่จะทำให้ วินโดวส์
แฮงก์ขึ้นจอสีฟ้านั้น ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ในสถานะการณ์ปกติ แต่กรณีของเพื่อนผมคนนี้เขาเพียงแต่เปิด
IE7 และเข้าเว็บไซท์จากเมนู Favorites จากนั้นแลปทอปของเขาก็นิ่งสนิทสู่จอฟ้าทันที
มันทำให้ผมรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เห็นผู้ใช้ธรรมดาๆคนหนึ่งสามารถทำให้คอมฯแฮงก์ได้ด้วยวิธีง่ายๆเช่นนี้
เพื่อนผมยื่นกระดาษโน๊ตปึกใหญ่ให้ผมดู มันเป็นบันทึกของการแก้ปัญหาที่เขาปรึกษากับทางช่างเทคนิค
ไม่ว่าจะเป็น การติดตั้งและถอนโปรแกรมยูทิลลิตี้ต่างๆ หรือการอัพเดทโปรแกรมป้องกันไวรัสแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
โดยปกติแล้วบริษัทผู้ขายมักไม่ยอมจะรับเครื่องคืนเท่าใดนักเพราะโดยทั่วไปปัญหามักเกิดจากตัวผู้ใช้เอง
แต่กรณีนี้ปัญหาไม่น่าจะเกิดจากเพื่อนผม
ผมใช้เวลา 45นาทีทดลองดูโพรเซสต่างในการทำงานของเครื่องเพื่อจะดูว่ามีการทำงานของโปรรแกรมหรือ
ไดร์เวอร์ใดๆที่อาจชนกันจนทำให้เครื่องแฮงก์ได้ แต่ก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ
ในท้ายที่สุดเครื่องเจ้าปัญหาก็ถูกยกกลับไปที่เดลล์ และเพื่อนผมได้รับเครื่องใหม่ที่ทำงานได้อย่างราบรื่นมาแทน
แต่นั่นมันก็ทำให้ผมมีปัญหาใหญ่ที่ต้องขบคิดเกิดขึ้นในใจว่า "เป็นไปได้หรือไม่ที่เครื่องคอมฯบ้างเครื่องก็
มีปัญหามาตั้งแต่ประกอบเสร็จจากโรงงานเลยเหมือนกับพวกรถยนต์"
และจากผลการสำรวจ ของนิตสารของเรา มีผู้อ่านเกือบ 2หมื่นคน ที่เจอปัญหาในลักษณะเดียวกันกับเพื่อนของผมทั้งในเครื่องแลปทอป และเครื่องตั้งโต๊ะ .......
<จบการแปลตัวอย่าง>

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

แปล 3


We recently caught wind of the Zeebo, a new 3G network-based gaming console that's supposedly launching soon in Brazil. Details were pretty hard to come by initially, but now we've gotten some more solid information on the upstart system. It turns out that manufacturer Tectoy is partnering up with cellular carrier Claro, whose 3G network will enable the system to have a constant, free-of-charge connection -- and Qualcomm, which holds a 43 percent ownership in the company. As far as specs are concerned, the Zeebo will apparently run on a BREW-based OS and house an ARM CPU running at 528MHz, with a Qualcomm Adreno 130 graphics core (?), 1GB NAND flash memory, 160MB RAM, 128MB DDR SDRAM and 32MB stacked DDR SDRAM. Marketed to the "growing middle class" of developing countries, the Zeebo will launch in Brazil, where its developers say the downloadable-content format should help combat rampant piracy. The cost of the system is expected to be 599BRL (about $264) with games costing between 7-30BRL (around $3-13).
=======================================
เมื่อไม่นานมานี้เราได้ข่าวแว่วๆเกี่ยวกับเครื่องเล่นเกมส์ Zeebo ที่คาดว่าจะใช้ระบบโทรศัพท์ 3G ในการเชื่อมต่อและวางจำหน่ายในบราซิล
รายละเอียดในช่วงแรกๆมีไม่มากนัก
แต่ตอนนี้เรามีข้อมูลมานำเสนอให้ได้อ่านกันแล้ว บริษัทTectoy ที่ผลิตเครื่องเล่น จับมือกับบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ Claroc และ Qualcomm
ซึ่งร่วมถือหุ้นอยู่ด้วย 43%
โดยให้เครื่อง Zeebo สามารถต่อเชื่อมผ่านโครงข่ายโทรศัพท์ 3G โดยไม่คิดค่าบริการ
จากเสปคเท่าที่ทราบว่า เครื่อง Zeebo จะทำงานบนระบบปฏิบัติการที่สร้างขึ้นมาเองโดยผู้ผลิต ใช้อาร์ม ซีพียู ที่ความเร็ว 528 MHz
และการประมวลผลกราฟฟิก Adreno 130ของ Qualcomm (หรือเปล่า) ,เมมโมรี่ แนนแฟลช 1Gb,แรม 160 MB ,
128MB DDR SDRAM และ 32MB stacked DDR SDRAM
แผนการตลาดและการขายจะมุ่งเน้นลูกค้าระดับกลาง ในประเทศกำลังพัฒนา
เครื่อง Zeebo จะวางจำหน่ายครั้งแรกใน บราซิล ผู้พัฒนากล่าวว่า ซอฟท์แวร์เกมส์จะสามารถดาว์นโหลดได้จากเครือข่าย ซึ่งน่าจะช่วยให้ต่อสู้ได้กับการละเมิดลิขสิทธิ์
ราคาเครื่องคาดว่าจะอยู่ประมาณ 264 เหรียญสหรัฐ และซอฟท์แวร์เกมส์แต่ละตัวจะอยู่ประมาณ 3-13เหรียญสหรัฐ


ข้อมูลภาษาอังกฤษ แปล 1-3 มาจากเว็บ engadget

แปล 2


We've no clue what kind of sick, demented parent would ever put their child through this, but for those with offspring who like to, say, swallow their hamburgers whole, we suppose it may come in handy. From the wide, wacky and utterly bizarre world that is Japanese gadgetry comes this: a bite counter from Nitto Kagaku. As you'd expect, the headgear keeps track of how many bites your kid takes, and it even plays a little jingle every 1,000 chews in order to celebrate the occasion. 'Course, there is the proven side effect of obesity, but at least they'll be making mincemeat out of everything they can get their hands on while gradually growing to 385 pounds.
===================================================================
เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีพ่อแม่คนไหนซื้อเครื่อง กามิ กามิ ตัวนับการเคี้ยวมาใส่ให้กับลูก ของตน แต่สำหรับครอบครัวที่มีลูกเป็นประเภทยัดใส่ปากแล้วกลืนไม่ยอมเคี้ยว
เครื่องนี้ก็น่าสนใจและมีประโยชน์อยู่ไม่น้อย อุปกรณ์ประหลาดๆชิ้นนี้มาจากบรษัท นิโต คากากุ ในญี่ปุ่น และจากชื่อของมันเรา ก็พอจะเดาหน้าที่ของมันได้
มันทำหน้าที่ตรวจจับจำนวนครั้งในการเคี้ยวอาหารของลูกคุณและจะเล่นเพลงจิงเกิ้ลทุกๆครั้งที่เคี้ยวครบ 1000 ครั้ง
แน่นอนการทำแบบนนี้มีผลทำให้ลูกๆคุณอ้วนมากจนเกินไปขึ้นมาได้ แต่อย่างน้อยมันก็เป็นการฝึกให้ลูกๆของคุณรู้จักเคี้ยวทุกๆสิ่งที่ยัดเข้าปาก

แปล 1

Just last week we heard that Warner Bros. was ending its home video / DVD business in South Korea due to rampant piracy, and now we've got a report from China suggesting that sophisticated pirates are duping buyers with faux Blu-ray Discs that are actually DVDs. As the story goes, movie pirates in select parts of Asia are ripping bona fide BDs and then burning them in AVCHD format (which uses 720 horizontal lines of resolution compared to Blu-ray's 1,080) on writable DVDs. Word on the street has it that these discs are being offered for around $7 each, and they even boast the BD hologram and the iconic blue hues on the packaging. Reportedly, none of the discs have made it outside of Asia just yet, but stay sharp should you ever get the urge to snag a discounted BD title while traveling abroad.

================================================
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเราได้รับรายงานข่าวว่า บริษัทวอร์เนอร์ บราเธอร์ กำลังจะเลิกทำธุรกิจวีดีโอและ ดีวีดี ในเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผลจาการที่มีแผ่นดีวีดีผีวางขายลุกลามไปทั่ว
และตอนนี้เราก็ได้ข่าวมาอีกแล้วจากประเทศจีนว่า พวกพ่อค้าดีวีดีเถื่อนกำลังหลอกต้มคนซื้อ ด้วยการขายแผ่นหนังบลูเรย์ปลอมโดยอันที่จริงเป็นแค่ดีวีดีเท่านั้น
พ่อค้าเหล่านี้ทำการแปลงไฟล์จากแผ่นบลูเรย์แท้ที่มีขนาดความคมชัดระดับ 1080เส้น มาเป็นฟอร์แมต AVCHD ที่มีแค่ 720 เส้น
แล้ววางขายแผ่นผีเหล่านี้อยู่ในร้านทั่วไปในราคา 7 เหรียญสหรัฐ และที่ซองยังติดสติกเกอร์แบบโฮโลแกรมหลอกลวงทำเนียนว่าเป็นแผ่นบลูเรย์อีกด้วย
ขณะนี้แผ่นบลูเรย์ทั้งปลอมและผีเหล่านี้ยงคงแค่ระบาดอยู่ในย่านเอเซียเท่านั้น แต่ถ้าคุณมีโอกาศไปเที่ยวในย่านเนี้ก็ดูดีๆก่อนจะซื้อแผ่นหนังบลูเรย์ที่ขายกันถูกๆก็แล้วกัน